วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ต้นขิง ผักสวนครัวปลูกทานภายในครอบครัว


ต้นขิง ผักสวนครัวที่เราปลูกได้ง่าย ๆ

...วันนี้จะมาเล่าถึง ต้นขิง ที่ตอนเด็ก ๆ มีความทรงจำกับใบขิง กันค่ะ เมื่อตอนเด็ก ๆ ที่บ้านจะนำใบขิงมารับประทานค่ะ  บางคนอาจจะไม่เคยกินใบขิงกัน แต่ขอบอกว่าใบของมันหอมมากๆ นะคะ เราชอบทานตอนเด็กๆ ที่บ้านนำมาทานกับส้มตำ อร่อยมากๆ เมื่อเคี้ยวใบขิง จะได้กลิ่นหอมใบขิง ผสมกับความมันของใบและรสชาติส้มตำที่เปี้ยวๆ เผ็ด ๆ อร่อยดีแท้ค่ะ
ต้นขิง


ต้นขิง เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เปลือกด้านนอกมีสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวล มีกลิ่นหอมเฉพาะ  แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน 

ใบขิง เป็นชนิดใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอกเกลี้ยงๆ กว้าง 1.5 - 2 ซม. ยาว 12 - 20 ซม. หลังใบห่อจีบเป็นรูปรางนำปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสองแคบและจะเป็นกาบหุ้มลำต้นเทียม ตรงช่วงระหว่างกาบกับตัวใบจะหักโค้งเป็นข้อศอก ดอก สีขาว ออกรวมกันเป็นช่อรูปเห็ดหรือกระบองโบราณ แทงขึ้นมาจากเหง้า ชูก้านสูงขึ้นมา 15 - 25 ซม. ทุกๆ ดอกที่กาบสีเขียวปนแดงรูปโค้งๆ ห่อรองรับ กาบจะปิดแน่นเมื่อดอกยังอ่อน และจะขยายอ้าให้ เห็นดอกในภายหลัง กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอก มีอย่างละ 3 กลีบ อุ้มน้ำ และหลุดร่วงไว โคนกลีบดอกม้วนห่อ ส่วนปลายกลีบผายกว้างออกเกสรผู้มี 6 อัน ผล กลม แข็ง โต วัดผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.

การขยายพันธ์ขิง  ขยายพันธุ์โดยใช้เหง้า ปลูกในดินร่วนซุยผสมปุ๋ยหมัก หรือดินเหนียวปนทราย โดยยกดินเป็นร่องห่างกัน 30 ซม. ปลูกห่างกัน 20 ซม. ลึก 5 - 10 ซม. ขิงชอบขึ้นในที่ชื้นมีการระบายน้ำดี ถ้าน้ำขังอาจโดนโรคเชื้อรา และการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจเป็นการลงทุนสูงแต่คุ้มค่าและจะได้พันธุ์ที่ปลอดเชื้อ เพราะส่วนใหญ่โรคที่พบมักติดมากับท่อนพันธุ์ขิง

ถ้าเราต้องการปลูกขิง ไว้กินเองที่บ้านก็สามารถทำได้นะคะ นำเหง้าแก่ของขิง มาปลูกไว้ในกระถาง เหมือนเราปลูกไม้ดอก ไม้ประดับทั่วไป แค่นี้ก็ได้ขิงไว้ทานเองที่บ้านแล้ว

ต้นขิงที่ปลูกไว้ในกระถางที่บ้าน


สรรพคุณของขิง
เหง้า : รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด เจริญอากาศธาตุ สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ใช้เหง้าแก่ทุบหรือบดเป็นผง ชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาว เติมเกลือเล็กน้อย จิบแก้ไอ ขับเสมหะ 
ต้น : รสเผ็ดร้อน ขับลมให้ผายเรอ แก้จุกเสียด แก้ท้องร่วง
ใบ : รสเผ็ดร้อน บำรุงกำเดา แก้ฟกช้ำ แก้นิ่ว แก้ขัดปัสสาวะ แก้โรคตา ฆ่าพยาธิ
ดอก : รสเผ็ดร้อน แก้โรคประสาทซึ่งทำให้ใจขุ่นมัว ช่วยย่อยอาหาร แก้ขัดปัสสาวะ
ราก : รสหวานเผ็ดร้อนขม แก้แน่น เจริญอาหาร แก้ลม แก้เสมหะ แก้บิด
ผล : รสหวานเผ็ด บำรุงน้ำนม แก้ไข้ แก้คอแห้ง เจ็บคอ แก้ตาฟาง เป็นยาอายุวัฒนะ(วัด-ถะ-นะ)

แก่น : ฝนทำยาแก้คัน 

ขิงนิยมนำมาประกอบอาหาร

นิยมนำมาทำอาหารทั้งคาวหวาน เช่น ไก่ผัดขิง ใบขิงใช้กินกับซุปหน่อไม้ ส้มตำ หัวผสมกับกระชายทำน้ำยาขนมจีน หรือนำมาต้มทำน้ำขิงใส่น้ำตาล คุณค่าทางยา ช่วยระบบทางเดินหายใจ เป็นหวัดคัดจมูก แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับลม ช่วยบรรเทาอาการไอ ลดโคเลสเตอรอล


ประโยชน์และสรรพคุณมากมายเลยนะคะ ลองปลูกขิง ไว้ที่บ้านกันนะคะ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้อีกทาง 

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

เพชรสังฆาต แก้ริดสีดวง

เพชรสังฆาต แก้ริดสีดวง


 เพชรสังฆาต  เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งในวิตามินซี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยให้หลอดเลือดดำหดตัวลงได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร จะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยบรรเทาอาการได้ รวมทั้งรักษาอาการอักเสบและทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้ ซึ่งการศึกษาจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ยังยืนยันถึงข้อดีของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารว่ามีสรรพคุณเทียบเท่ากับ ยาแผนปัจจุบัน หรือยาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเลยค่ะ

          แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องใช้ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ เพราะสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปิดเผยว่า การใช้อย่างไม่ระมัดระวังอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์อย่าง ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะผิดปกติ แน่นท้อง หรือท้องโตขึ้นผิดปกติได้ค่ะ

ข้อควรระวังในการรับประทานเพชรสังฆาต

        ถึงแม้เพชรสังฆาต จะเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะในเถาของเพชรสังฆาตนั้นมีสารแคลเซียมออกซาเลทสูง (Calcium Oxalate) สูง จึงอาจทำให้เกิดการตกค้างได้หากรับประทานเข้าไปมากเกินพอดี อีกทั้งสารออกซาเลทนั้นยังอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองที่คอและเยื่อบุภายในปาก ดังนั้นหากจะนำเถาของเพชรสังฆาตมารับประทานสด ๆ ควรนำหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หุ้มด้วยกล้วยสุก หรือมะขามเปียก ก็ได้ แล้วค่อยรับประทาน และห้ามเคี้ยวโดยเด็ดขาด แต่ถ้าจะให้สะดวกสำหรับคนที่เพิ่งรับประทาน ก็สามารถรับประทานเป็นแบบแคปซูลได้  วิธีนี้ก็ยังทำให้ได้คุณประโยชน์จากเพชรสังฆาต เช่นเดียวกับการรับประทานแบบสด ๆ ค่ะ

ข้อมูลจาก kapook.com

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

ดอกแคนา

สำหรับบทความนี้ มาทำความรู้จักกับแคนากันค่ะ แคนา หรือแคป่า  ที่เรามักเห็นตามสถานที่ราชการและตามหมู่บ้านจัดสรรต่าง ๆ นั่นแหละ บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ดอกขาว ๆ นั้นสามาถทานได้ และมีประโยชน์ด้วยนะคะ เมื่อวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ก่อน ได้มีโอกาสไปเก็บดอกแคนา มาลวกกินกับน้ำพริก อร่อยดีค่ะ เลยอยากจะนำเอาข้อมูลและสรรพคุณของดอกแคนามาฝากกัน
ต้นแคป่า
ต้นแคนา/แคป่า


ชื่อพื้นเมือง 
   แคป่า  แคขาว แค่เก็ต  แคทราย แคแน  แคฝ่อย แคพูฮ่อ แคยอกดำ แคยาย แคอาว

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
           ต้นแคนา เป็น ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง 10-20 เมตร ผลัดใบ เปลือกลำต้นสีน้ำตาลอ่อนอมเทา อาจมีจุดดำประ ผิวเรียบ หรือล่อนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก 
           ลำต้นเปลาตรง มักแตกกิ่งต่ำ 
           ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ปลายคี่ ออกตรงข้าม 3-5 คู่ รูปไข่แกมขอบขนาน ปลายแหลม โคนใบเบี้ยว กว้าง 2.5-7 เซนติเมตร ยาว 6-16 เซนติเมตร ขอบใบหยักแบบซี่ฟันตื้นๆ ผิวใบด้านล่างมีขนสั้นประปรายบนก้านใบ ก้านใบย่อยยาว 7-10 มิลลิเมตร 
ดอกแคป่า

           ดอก เป็นดอกช่อแบบช่อกระจะสั้น ดอกใหญ่ รูปแตร สีขาว ออกตามปลายกิ่ง ยาว 2-3 ซม. ก้านดอกยาว 1.8-4 เซนติเมตร แต่ละช่อมี 2-10 ดอก บานทีละดอก กลิ่นหอม บานตอนกลางคืน รุ่งเช้าร่วง กลีบเลี้ยงหนาและเหนียว ปลายเรียวเล็กโค้งยาว 3-4 เซนติเมตร จะหุ้มดอกตูมมิด เชื่อมติดกันเป็นหลอดโค้งปลายแหลม เมื่อดอกบานจึงมีรอยแตกทางด้านล่าง มีลักษณะเป็นกาบหุ้มกลีบดอก ติดกันเป็นท่อ ปลายขยายออกเป็นรูประฆัง และแยกออกเป็น 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกัน ยาว 16-18 เซนติเมตร หลอดกลีบดอกยาว 13-14 เซนติเมตร 
         ส่วนโคนดอกแคนา แคบคล้ายหลอด สีเขียวอ่อน ส่วนบนบานออกคล้ายกรวยสีขาวแกมชมพู แฉกกลีบดอกมี 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 3-4 เซนติเมตร ขอบกลีบย่น เป็นคลื่น ดอกสีขาว ดอกตูมสีเขียวอ่อนๆ โคนกลีบมีสีน้ำตาลปน เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดอยู่ที่ด้านในของท่อกลีบดอก ปลายแยกมีขนาดสั้น 2 อัน ยาว 2 อัน และมีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 1 อัน รูปร่างเป็นเส้นเรียวเล็กรูปเส้นด้าย ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร อับเรณูยาวประมาณ 1 เซนติเมตร สีเทาดำ จานฐานดอกรูปเบาะ เป็นพูตื้นๆ เกสรเพศเมีย 1 อัน 
        ผลเป็นฝัก ช่อละ 3-4 ฝัก แบน รูปขอบขนาน โค้ง บิดเป็นเกลียว ยาว 40-60 เซนติเมตร พบตามป่า ทุ่ง ไร่ นา ป่าเบญจพรรณออกดอกช่วงเดือน มีนาคมถึงมิถุนายน กลีบดอกบานใช้ต้มจิ้มน้ำพริก หรือแกงส้ม
ดอกแคป่า


สรรพคุณ    
             ตำรายาไทย  ใช้  ราก มีรสหวานเย็น แก้เสมหะและลม บำรุงโลหิต เปลือกต้น มีรสหวานเย็น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้กับสตรีหลังคลอด ใบ มีรสเย็น ใช้ตำพอกแผล หรือต้มน้ำบ้วนปาก ดอก มีรสหวานเย็น ใช้ขับเสมหะ โลหิต และลม ขับผายลม เมล็ด รสหวานเย็น แก้อาการปวดประสาท แก้โรคชัก

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.phargarden.com

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

เพรชสังฆาต คือ ...

เพชรสังฆาต ชื่อวิทยาศาสตร์Cissus quadrangularis เป็นไม้เลื้อยในวงศ์องุ่น ชื่ออื่นๆคือ สันชะฆาต ขันข้อ สามร้อยต่อ หรือ สันชะควด เปลือกเถาเรียบ สีเขียว รูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เห็นข้อปล้องชัดเจน ตรงข้อเล็กรัดตัวลง แต่ละข้อยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาวมีผลึกแคลเซียมออกซาเลตมาก
เพชรสังฆาต

ในตำราสมุนไพร เพชรสังฆาต ใช้แก้ริดสีดวงทวารหนัก คั้นเอาน้ำดื่ม แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ ทางภาคเหนือ ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรี ประจำเดือนไม่ปกติ เป็นยาธาตุเจริญอาหาร ในประเทศอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นกินแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการผิดปกติของประจำเดือน  มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และต้านอนุมูลอิสระ มีแคโรทีนอยด์และวิตามินซีมาก
เพรชสังฆาต

เพชรสังฆาต

ข้อมูลจาก wikipedia


วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

ผักสวนครัวรั้วกินได้

ผักสวนครัวรั้วกินได้
     
          ผักสวนครัวรั้วกินได้  คำ ๆ นี้ ถ้าเรานำมาปฎิบัติในจริง ๆ เราสามารถที่จะปลูกผักไว้ในบ้านของเรา เพื่อปรุงอาหารสดใหม่ได้ทุกวันนะคะ

           ไม่จำเป็นว่าเราต้องปลูกจำนวนเยอะ ต้องมีพื้นที่เยอะ ถึงจะปลูกได้ เดี๋ยวนี้เราสามารถปลูกผักไว้กินเองได้ง่ายมาก สามารถปลูกไว้ในกระถาง ในกล่อง ในกระสอบ ก็ได้ แล้วเราก็จัดระเบียบผักสวนครัวของเราให้สวยงาม ถ้าใครมีความสามารถจัดเป็นสวนหย่อมผักสวนครัวได้ยิ่งดีคะ 

         ส่วนตัวเองปลูกผักไว้กินเองภายในบ้านเหมือนกันคะ แต่ยังไม่เยอะ เริ่มจากผักที่เราต้องใช้บ่อย ๆ ก่อน เช่น

         1. ตะไคร้   ที่บ้านต้องมีตะไคร้ เพราะเป็นเครื่องเทศ สมุนไพร ที่คู่ครัวไทย ไม่ว่าอาหารไทย อีสาน ก็มีตะไคร้ในการประกอบอาหาร เราจึงเลือกตะไคร้ เป็นผักแรกๆ ที่ปลูก  ของเราปลูกในกระถางคะ 
ตะไคร้



         2.ใบมะกรูด  ปลูกในกระถาง ไว้กินใบอย่างเดียว คือ เอาใบมาใช้อย่างเดียว คะ ถ้าอาหารอะไรทีต้องใส่ใบมะกรูด ไม่ต้องซื้อเลย ใบมะกรูดที่ปลูกไว้สามารถใช้ได้เลยคะ





         3.ต้นหอม  ในส่วนของต้นหอม เราเอาหัวหอมที่ซื้อมาจากตลาดมาปลูกในกระถาง แล้วใช้ใบมาทำอาหารคะ  ต้นหอมก็เป็นผักสวนครัว ที่เราๆ ต้องใช้ในการทำอาหารประจำอยู่แล้วคะ เพราะฉะนั้น มีไว้ในบ้าน หาง่าย ประหยัดไม่ต้องซื้อเค้าคะ



        4.อัญชัญ   ดอกอัญชัญ  ที่บ้านเราปลูกไว้ เพราะชอบกินดอกอันชัญ เป็นผัก กับน้ำพริก กินกับส้มตำ และเวลาตอนเช้า ๆ เอาดอกอัญชัญ ชงกับน้ำร้อน ดื่มเป็นชา  สรรพคุณดีเยี่ยมคะ 



       5.ต้นย่านาง   ใบย่านาง  ที่บ้านเราชอบทำอาหารอีสาน ฉะนั้น ส่วนประกอบต้องมีใบย่านาง ซึ่งย่านาง สรรพคุณก็มากมายอยู่แล้ว และยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง และอร่อย มีประโยชน์ทั้งนั้นเลยคะ


       6. พริก   นี่ก็เป็นผักสวนครัว ที่คู่ครัวไทย นะคะ ปลูกไว้ไม่เสียหลาย ที่บ้านมีไว้ 1 ต้น เก็บทำน้ำพริก ทำอาหารได้สบาย ๆ ไม่ต้องซื้อ 


       7.ตำลึง  อันนี้ขึ้นเองคะไม่ได้ปลูก งามมาก ขึ้นกับต้นโมก ที่ปลูกไว้  เอามาต้มจืดตำลึงอร่อยมากคะ


  ทั้งหมดนี้ คือ ผักสวนครัว ที่ปลูกไว้ในบ้าน ภาชนะที่ใช้ปลูกก็ คือ กระถาง ต้นไม้นี่แหละคะ ปลูกง่าย ๆ ปลูกผักที่เราต้องใช้บ่อย ๆ เราจะได้กินผักที่ปลอดภัย  และประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวด้วยนะคะ  ที่สำคัญเกิดความภูมิใจ เพราะผักทุกต้นเราตั้งใจปลูกและดูแล และผักสวนครัว พวกนี้ก็ทำให้ร่างกายเราแข็งแรง ด้วย เพราะส่วนใหญ่ผักและเครื่องเทศบ้านเรา ที่ใช้ทำอาหารก็มีประโยชน์อยู่แล้ว ยิ่งปลูกเองอีก ยิ่งดีสุด ๆ ไปเลยคะ

              ใครได้แวะเวียนมาอ่านบล๊อกนี้ อยากจะลองปลูกผักในบ้าน ดู  ทำได้เลยนะคะ เมื่อมันผลิดอก ออกผล ให้คุณเมื่อไหร่ ความภูมิใจ จะตามมาคะ ความสุขเล็กๆ น้อย ที่สามารถหาได้ ทำเป็นกิจกรรมครอบครัวในวันหยุดก็ได้คะ ไว้บทความต่อไปจะนำเสนอผักสวนครัวอื่น ๆ อีกนะคะ


วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

กระเพรา ผักคู่ครัวไทย

          หากเอ่ยถึง กระเพรา คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินกันหรอกนะคะ เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำผัดกระเพราเลยทีเดียว และยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับอาหารไทยอีกหลายเมนู ที่ทุกคนชื่นชอบ สำหรับกระเพรานั้นเป็นผักที่มีประโยชน์มาก ๆเลย  สามารถปลูกไว้ทานเองที่บ้านได้ เพราะต้นไม่ใหญ่มาก ปลูกไว้กินที่บ้านไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหาให้เปลืองสตางค์กันนะคะ ก่อนที่จะปลูกไว้ทานกัน เรามารู้จักข้อมูลของต้นกระเพรากันก่อน

ชื่อในทางวิทยาศาสตร์คือ: Ocimum sanctum)
ชื่ออื่น ๆ : กระเพราขน กระเพราขาว   กระเพรา (ภาคกลาง) กอมก้อ กอมก้อดง (เชียงใหม่) อีตู่ไทย (ภาคอีสาน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :  กระเพราะเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 30-60 ซม. โคนต้นค่อนข้างแข็ง โดยกระเพราแดงลำต้นจะออกแดงอมเขียว  ส่วนกระเพราเขียวลำต้นนั้นจะออกสีเขียวอมขาว ยอดอ่อนมีขนสีขาว ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปรี กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบแหลม ขอบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียว มีขนสีขาว ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกออกสีขาวแกมม่วง

สรรพคุณ
1.ใบ บำรุงธาตุไฟ ขับลมแก้ปวดท้องอุจจาระ แก้ลมตานซาง แก้จุกเสียด แก้คลื่นเหียนอาเจียน ขับลม
2.เมล็ด เมื่อนำไปแช่น้ำเมล็ดจะพองตัวเป็นเมือกขาว ใช้พอกบริเวณตา เมื่อตามีผง หรือฝุ่นละอองเข้า ผงหรือฝุ่นละอองนั้นก็จะออกมา ซึ่งจะไม่ทำให้ตาเรานั้นช้ำ
3.ราก ใช้รากที่แห้งแล้ว ชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ
4.น้ำสกัดทั้งต้นมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ในใบมีฤทธิ์ขับน้ำดี ช่วยย่อยไขมันและลดอาการจุกเสียด
5.ใบและกิ่งสดเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.08-0.10 ซึ่งมีราคา 10,000 บาทต่อกิโลกรัม

เห็นสรรพคุณแล้วทึ่ง ไม่รีรอ ต้องปลูกไว้รับประทานกันที่บ้านนะคะ โดยวิธีการปลูกมีดังนี้

1. ขั้นแรกเราต้องเตรีมต้นกล้าของกระเพรากันก่อน โดยการทำแปลงเพื่อหว่านเมล็ด คลุกเคล้าดินและ
ปุ๋ยหมักให้เข้ากัน จากนั้นนำเมล็ดที่ซื้อมาหว่าน รดน้ำ (จากนั้นรอให้เมล็ดงอก)
2.เมื่อเมล็ดงอก ดูแลให้ต้นกล้าแข็งแรง อาจใช้เวลาประมาณ 25- 30 วัน จึงจะสามารถย้ายต้นกล้าไปปลูกได้คะ
3.เมื่อครบ 25- 30 วันแล้วก็ย้ายต้นกล้ามาปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ หรือในกระถางที่เราเตรียมไว้ได้เลยคะ
4.จากนั้นก็ดูแลรดน้ำ ด้วยความเอาใจใส่ เพื่อให้กระเพราออกดอก ออกใบให้เราได้นำมาประกอบอาหารกัน


วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

การเจริญเติบโตของ watercress ที่ปลูกไว้ที่บ้าน

จากบทความที่แล้ว ที่ได้นำ watercress มาปลูกไว้ที่บ้านนั้น ตอนนี้ watercress เริ่มเติบโต มีใบงอกออกมาให้คนปลูกได้ชื่นใจแล้วคะ โดย watercress ที่นำมาปลูกนั้นได้พันธ์สีแดงมาคะ ตอนแรกนำปลูกก็เด็ดนเอาก้านมาปักชำไว้กับดินที่เตรียมไว้  มาถึงตอนนี้พันธ์สีแดงก็เริ่มโตมีใบให้เห็นแล้วคะ ส่วนพันธ์สีเขียวนั้น นำมาปลูกทีหลัง เดินยังไม่โตเท่าไหร่ วันนี้โพสพันธ์สีแดงให้ดูก่อนนะจ๊ะ

watercress พันธ์สีแดงที่ปลูกไว้เริ่มงามแล้วคะ


watercress พันธ์สีแดงใบเริ่มเยอะแล้ว

 
สำหรับรูปนี้เป็น watercress พันธ์สีเขียวที่เพิ่งปลูก ยังไม่โตเลยคะ ใบยังไม่เยอะ เดี๋ยวครั้งหน้าพันธ์สีเขียวโตต้องเอารูปมาโพสให้ดูกันนะคะ


หากใครสนใจปลูกผักสวนครัว ปลูกผักไว้กินเองที่บ้าน ก็หาเวลาว่างลองปลูกกันได้นะคะ เพราะมันไม่ได้ยากอะไรเลย และเมื่อปลูกพืชผักเติบโตเอาไว้รับประทานในบ้านได้ ประหยัดเงินค่าซื้อผักอีกด้วย แถมยังเกิดความภาคภูมิใจ และสุขใจที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของสิ่งที่เราปลูกด้วยนะคะ